Thursday, April 27, 2006

(^_^)Differences between Winner & Loser(*_*)



Differences between Winner & Loser
ข้อแตกต่างระหว่าง ผู้ชนะ กับ ผู้แพ้

Habit 1 : Be proactive
When a winner commits a mistake, he say I'm wrong
ผู้ชนะ : เมื่อพบว่ามีข้อผิดพลาด จะพูดว่า ฉันทำผิดเอง

When a loser commits a mistake, he says it's not my fault
ผู้แพ้ : เมื่อพบข้อผิดพลาด จะพูดว่า ไม่ใช่ความผิดของฉัน

Habit 2 : Begin with the end in mind
A winner works harder and has more time than a loser
ผู้ชนะ : จะทำงานหนักกว่าปกติ และมีเวลามากกว่าผู้แพ้

Habit 3 : Put first thing first
A loser always is too busy to do what is necessary
ผู้แพ้ : จะทำงานแบบยุ่งทั้งวัน โดยที่ไม่คิดว่างานไหน ควรทำก่อนทำหลัง

Habit 1 : Be proactive
A winner faces and solves his/her problems
ผู้ชนะ : จะเผชิญหน้ากับปัญหาและลงมือแก้ไขปัญหานั้น

A loser does otherwise
ผู้แพ้ : จะทำในทางตรงข้าม หลีกเลี่ยงปัญหา

Habit 1 : Be proactive
A winner makes things happen
ผู้ชนะ : จะลงมือทำงานให้ปรากฎผลงานขึ้น

A loser makes promises
ผู้แพ้ : จะให้แต่คำสัญญา คือมีแต่ลมปาก แต่ไม่ลงมือ

Habit 1 : Be proactive
A winner wld say " I am good but not as good as I want to be "
ผู้ชนะ : จะพูดว่า “ ฉันทำได้ดี แต่ยังไม่ดีเท่ากับที่ฉันต้องการ “

A loser wld say " I am not as bad as others "
ผู้แพ้ : จะพูดว่า “ ยังมีคนอื่นอีกหลายคนที่มีผลงานแย่กว่าตัวเขา “

Habit 5 : Seek first to understand then be understood
A winner listens, understand and responds
ผู้ชนะ : จะตั้งใจฟัง แล้วทำความเข้าใจ และ สามารถตอบสนองได้

A loser only waits until it's his/her turn to speak
ผู้แพ้ : จะรออย่างเดียว โดยไม่ฟัง ไม่ทำความเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด รอจนกว่าจะถึงคิวที่จะได้พูดเรื่องของตัวเอง

Habit 1 : Be proactive
A winner respects people who are superior to him and wld like to learn from them
ผู้ชนะ : จะยอมรับ นับถือคนที่มีความสามารถเหนือกว่า และจะเรียนรู้จากคนเหล่านั้น

A loser does otherwise, and wld try to find his superior's faults
ผู้แพ้ : จะทำในทางตรงข้าม และจะพยามายามหาข้อผิดพลาดของคนที่เหนือกว่าเขา

Haibt 4 : Think win-win and Habit 6 : Synergize
A winner is responsible not just for his own work
ผู้ชนะ : จะมีความรับผิดชอบ ไม่เพียงแต่งานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้นจะช่วยคิดให้องค์กรประสบความสำเร็จ ( ไม่ใช่ไปก้าวก่ายงานคนอื่นนะ )

A loser will not dare help others and wld say I'm just doing my job
ผู้แพ้ : จะไม่กล้าที่จะช่วยเหลือคนอื่น และ มักจะพูดว่า ฉันไม่ว่าง กำลังทำงานของฉันอยู่

Habit 1 : Be proactive and Habit 2 : Begin with the end in mind
A winner wld say " There shd be a better way to do it "
ผู้ชนะ :จะพูดว่า" ต้องมีวิธีที่จะทำให้ดีขึ้นได้เสมอ"

A loser wld say " This is the only way to do "
ผู้แพ้ : จะพูดว่า “ นี่คือหนทางเดียวที่ทำได้ “

**Good things in my books**

ในชีวิตหนึ่งของเรา จริงอยู่ว่าเราอาจจะเคยตกหลุมรักมากกว่าหนึ่งครั้ง รักคนมากกว่าหนึ่งคน แต่เชื่อเถอะว่ามีอยู่หนึ่งเท่านั้นที่จริง

จาก หนังสือ
ความรักรสไอศกรีม (รส Rum Raisin)
โดย ญาณิน
เวลาเราชอบใครบางคนมากๆ ทั้งๆที่รู้ว่าเราไม่มีสิทธิได้รับความรักนั้นตอบสนองคืนมา เรามักนึกไปว่าแค่ได้อยู่ใกล้ก็พอใจแล้ว ได้รู้จักกันได้เป็นเพื่อนกันก็ดีตั้งเท่าไหร่...แต่พอเอาเข้าจริงๆ เรื่องเจ็บปวดที่สุดก็คือในไม่ช้าเราจะนึกขึ้นมาได้ว่า...
ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ แล้วทำไมเราถึงยังเป็นคนที่ถูกมองข้ามไป
เขาไม่เคยรักเรา...แม้ในวันที่เขายังไม่มีใคร
จาก หนังสือ
ความรักรสไอศกรีม (รส Chocolate)
โดย ญาณิน

Wednesday, April 26, 2006

Switzerland The Best Place to Travel.








Four Seasons of Switzerland
Switzerland has four seasons.Wild and colorful flowers bloom in springtime and enrich the muddy brown meadows after a long winter.In summer the blossoms of alpine plants make their appearance and enjoy the warmth of the sun.The foliage colors the landscapes of
Spring.
(March-May)
While some people are still enjoying skiing down the slopes in the mountains,buds and leaves start to grow in the volleys.The snow begins to melt and meanders its way into rivers and lakes.The gentle breezes blowing along the mountain slopes and villages and the molodious whistling of birds announce the arrival of springtime.In March,the canton of Ticino celebrates springtime with the Camellia Festival And from April to June,tulips,irises and even narcissus are in flower around the Lake Geneva.In May colorful flowers decorate the balconies in the city of Bern.
Summer.
(June-August)
Summer in Switzerland can be extremely active and adventurous.Besides hiking and biking you can experience water soorts on the lakes and rivers,like windsurfing,sailing,canoeing and river rafting or go climbing,trekking and parachuting in the Alps.If you like it a bit quieter you have the chance to observe the cows and sheep devouring the green,fresh grass in the Alps.Swiss people enjoy the warm season by having barbecues along the lakes and rivers or simply in their gardens or on balconies and chatting on terraces of open-air restaurants and cafes.Switzerland in autumn,turning red and yellow,and the leaves fall of in winter when white snow dresses the branches of the trees.The highlights of the four seasons of Switzerland can attract and delight you in different ways.
Autumn.
(September-November)
Due to the drop in temperature,the color of the leaves turns to yellow and red in autumn.The golden color of the vineyards along the mountain slopes and lakes catches tourists'eyes.Harvest festivals are held in some areas of Switzerland,accompanied by vine and cheese tasting.Special delicious game menus are available during the hunting season,September to November.
Winter.
(December-February)
Winter transforms Switzerland into a silvery world and is most beautiful when all the mountains are covered with snow.Switzerland attracts many winter sport lovers and hikers.Tourists enjoy skiing and snowboarding in the Swiss Alps,home to some of the best downhill skiing slopes in Europe.After enjoying the great scenery,one may go to relax in spas with hot spring water.

Monday, April 24, 2006

+21 April+Queen Elizabeth Birthday&National Day of England


Her Majesty Queen Elizabeth II
Queen of the United Kingdom

Born: April, 21 1926 - Accession: February 6, 1952

"We lost the American colonies because we lacked thestatesmanship to know the right time and the manner of yielding what is impossible to keep."
Her Majesty Queen Elizabeth was born in London on April, 21 1926, first child of the Duke and Duchess of York, subsequently King George VI and Queen Elizabeth. Five weeks later she was christened in the chapel of Buckingham Palace and was given the names Elizabeth Alexandra Mary Windsor. The Queen ascended the throne on February 6, 1952 upon the death of her father, King George VI. Her Coronation followed on June 2, 1953.

Princess Elizabeth had her early education at home. After her father succeeded to the throne in 1936 and she became heiress presumptive, and her studies were extended to include lessons on constitutional history and law. After the Second World War Princess Elizabeth's public engagements grew in number and frequency. Her first official visit overseas took place in 1947, when she accompanied her parents and sister on a tour of South Africa.

Princess Elizabeth married Philip Mountbatten (4th cousin) in Westminster Abbey on November 20, 1947. Prince Charles, now the Prince of Wales and heir apparent to the throne, was born in 1948, the Princess Anne, now the Princess Royal, was born in 1950, the Prince Andrew, now the Duke of York, was born in 1960, and the Prince Edward, in 1964. The Queen and the Duke celebrated their silver wedding anniversary in London in 1972.

In 1977, the Queen's Silver Jubilee was celebrated in the United Kingdom and throughout the Commonwealth. Accompanied by the Duke of Edinburgh, the Queen travelled some 56,000 miles to share the anniversary with her people. 2002 marks the 50th anniversary of The Queen's Accession to the Throne.

Monday, April 17, 2006

.:":.0 Special diary trip's Mae Klong 0.:":.3






(ต่อจากคราวที่แล้ว)
เราก็เพิ่งจะเห็นบ้านหมิงเป็นครั้งแรก สวัสดีญาตผู้ใหญ่เสร็จแล้ว หมิงก็พาไปดูสถานที่ที่จะนอน ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบ้าน ซึ่งมีเยอะมาก เยอะจนน่ากลัวเลยทีเดียว ห้องที่เรานอนเป็นห้องของพี่ก่อ ซึ่งเป็นพี่ชายของหมิง แล้วเราก็ลงมาที่ท่าน้ำหน้าบ้าน มีสวน มีซุ้มเล็กๆให้นั่ง น่ารักมากเลย อ้อ!เราลืมบอกไปอย่างนึง หลังจากไปกินข้าวมาแล้ว แม่ก็พาเราไปที่ดอนหอยหลอดก่อน ให้ไปลองดู น้ำขึ้นสูงมากเลยดูน่ากลัวมาก ดูสักพักเราก็กลับจ๊ะ มาต่อที่บ้านหมิงใหม่อีกครั้ง พอเรานั่งชมท่าน้ำหน้าบ้านไปสักพักแล้ว เราก็ผลัดกันไปอาบน้ำ เอ็มอาบข้างบน ส่วนผู้หญิงอาบข้างล่าง(หมายถึง ห้องน้ำนะ อย่าเข้าใจผิด)เมื่ออาบเสร็จกันหมดทุกคนแล้วก็ขึ้นไปนอนกัน ตอนแรกเราจะนอนข้างล่างบนพื้น แต่โดนหมิงกับส้มไล่ให้ขึ้นไปนอนบนเตียงกับจ๊ะจ๋า และจ๊ะจ๋าก็บอกเราว่าจ๊ะจ๋าเป็นคนนอนดิ้น เราต้องนอนกับคนที่นอนดิ้นอีกแล้ว ส่วนเอ็มนอนบนพื้นริมสุดติดกับผนังห้องตรงประตู ถัดมาก็น้องไกด์ ส้ม แล้วก็หมิง
แอนแล้วก็เพื่อนๆทุกคนต่างก็ตั้งนาฬิกาปลุกที่โทรศัพท์ไว้ เพราะต้องตื่นมาใส่บาตรตอนเช้า เราเป็นคนหลับง่ายเมื่อหัวถึงหมอนก็หลับ ก่อนหน้านี้หมิงไปแอบที่หลังประตูแกล้งเราด้วย เราหนีไปแอบหลังจ๊ะจ๋าแทบไม่ทัน เพราะกลัวผี บ้านหมิงยิ่งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะอยู่ด้วย แล้วหลังจากนั้นเราทุกคนก็หลับกัน ยอมรับว่ากลัวเหมือนกันนะ แต่ก็หลับลงได้เพราะดึกมากแล้ว เวลาประมาณตี 4 ได้ยินเสียงระฆัง เสียงคนเดิน และเสียงต่างๆมากมาย เสียงเรือด้วย เราก็เลยตื่นขึ้นมา(คงเป็นเพราะ กาแฟจากเอ็มด้วยเลยนอนไม่หลับ)ดูเพื่อนๆนอน แต่ก็มองไม่ค่อยเห็นใครซักเท่าไหร่เพราะมืด แต่เห็นจ๊ะจ๋าชัดเจนมาก เพราะนอนใกล้กัน นอนไขว่ห้างซะด้วย แถมยังแหกแข้งแหกขาอีกต่างหาก แล้วเราก็นอนต่อ แต่ก็ยังตื่นขึ้นมาอีกครั้งนึง พอได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของเอ็ม เราก็รีบลุกขึ้นมาปิดให้ทันที หมิงตื่นแล้ว ไม่นานก็วิ่งปิดเสียงปลุกจากโทรศัพท์ของหลายคน แล้วเราก็ช่วยปลุกเพื่อนๆลงไปแปลงฟันด้วย จ๊ะจ๋าเนี่ยปลุกยากที่สุดเลย เสียงโทรศัพท์กี่เครื่องก็ไม่สามารถทำให้เธอตื่นจากนิทราได้ ส่วนเอ็ม พอเปิดไฟดวงใกล้ๆก็ทำตาหยีแล้วก็นอนหลับต่อ ชุดนอนเอ็มเนี่ยเป็นคุณช้าย คุณชาย พอเพื่อนๆทุกคนตื่นมาครบกันหมดแล้ว ก็แยกย้ายกันไปแปรงฟัน เรากำลังจะก้าวเข้าสู่วันที่ 2 ของการมาเที่ยวบ้านหมิงครั้งนี้
(<<<---อ่านต่อ ครั้งต่อไป)

Wednesday, April 12, 2006

**Good things in my books**

เธอ...มิใช่สายน้ำ
แต่เธอเย็นฉ่ำชื่นหวาน
เธอ...มิใช่ลำธาร
แต่เธอไหลผ่านเนื้อหัวใจ
...มีบางคราความรู้สึกที่ลึกล้ำ
เหยียบย่ำย้ำในหัวใจเศร้า
เมื่อมองเห็นเส้นทางระหว่างเรา
เงียบเหงาว้าเหว่วังเวงจำ
วันนี้...พรุ่งนี้...หรือที่ไหน
เมื่อดอกไม้โรยหล่นคนเหยียบย่ำ
ร่องรอยรักจักมีเพียงสีดำ
รักเราคือ...นาฏกรรมการอำลา...
วันนี้...ยังมีเราสองคน
วันหน้า...หมุนวนไหลผ่าน
วันนี้...ชั่วแวบสำราญ
วันหน้า...เหงานานเดียวดาย
ความรัก
เสลาสลัก...สวยใส
งามใดเล่า...งามใด
เทียบได้งดงาม...ความรัก
จรดลึก...ในความทรงจำ
ลึกล้ำย้ำรอยสลัก
นิรันดรนั้น...นานนัก
แต่รักนี้...นานกว่านั้น
จาก หนังสือ ดั่งดวงหฤทัย
ของ ลักษณวดี